คุณเคยสงสัยไหมว่าพอร์ตการลงทุนที่กระจัดกระจายอยู่ในหลายๆ ที่ ทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุนรวม หรือแม้แต่คริปโตฯ ตอนนี้มีหน้าตาเป็นอย่างไร? เราลงทุนหนักไปในอุตสาหกรรมไหน หรือกระจุกตัวอยู่ในประเทศใดมากเกินไปหรือเปล่า?
บทความนี้จะสอนคุณแบบจับมือทำ ตั้งแต่การวางโครงสร้างไปจนถึงการวิเคราะห์ขั้นสูง พร้อมแจก Template ให้คุณนำไปใช้งานได้ทันที!
![]()
คุณเคยสงสัยไหมว่าพอร์ตการลงทุนที่กระจัดกระจายอยู่ในหลายๆ ที่ ทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุนรวม หรือแม้แต่คริปโตฯ ตอนนี้มีหน้าตาเป็นอย่างไร? เราลงทุนหนักไปในอุตสาหกรรมไหน หรือกระจุกตัวอยู่ในประเทศใดมากเกินไปหรือเปล่า?
การมี Portfolio Tracker หรือระบบติดตามพอร์ตการลงทุนที่ดี คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยตอบคำถามเหล่านี้ และเป็นอาวุธลับของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จทุกคน วันนี้เราจะมาสร้างเครื่องมือนี้ด้วยสิ่งที่ทุกคนคุ้นเคยอย่าง Google Sheets ซึ่งไม่เพียงแต่ฟรีและใช้งานง่าย แต่ยังทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ
บทความนี้จะสอนคุณแบบจับมือทำ ตั้งแต่การวางโครงสร้างไปจนถึงการวิเคราะห์ขั้นสูง พร้อมแจก Template ให้คุณนำไปใช้งานได้ทันที!
ก่อนจะเริ่ม เราต้องเข้าใจแนวคิดที่สำคัญที่สุดก่อน นั่นคือการแยกชีตออกเป็น 2 ส่วนหลัก เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการและต่อยอดในอนาคต:
ชีตนี้เปรียบเสมือนสมุดบัญชีที่เราจะลงข้อมูลทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหวในพอร์ต การออกแบบคอลัมน์ที่ดีคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง
สร้างคอลัมน์ที่จำเป็นดังนี้:
| คอลัมน์ | คำอธิบาย | ตัวอย่าง |
|---|---|---|
| Date | วันที่ทำธุรกรรม | 15/10/2023 |
| Ticker | ชื่อย่อสินทรัพย์ | AOT, KFINFRA, AAPL |
| Asset Name | ชื่อเต็มสินทรัพย์ (เพื่อความเข้าใจ) | ท่าอากาศยานไทย, K-INFRA, Apple Inc. |
| Transaction | ประเภทธุรกรรม (Buy, Sell, Dividend) | Buy |
| Quantity | จำนวนหน่วย/หุ้น | 100 |
| Price/Unit | ราคาต่อหน่วย/หุ้น | 68.50 |
| Commission | ค่าธรรมเนียมและภาษี | 25.50 |
| Total Value | มูลค่ารวม (Quantity*Price)+Comm |
6,875.50 |
| Asset Class | ประเภทสินทรัพย์ (หุ้น, กองทุนรวม) | หุ้น |
| Country | ประเทศที่ลงทุน (ไทย, สหรัฐฯ, Global) | ไทย |
| Industry | กลุ่มอุตสาหกรรม (เทคโนโลยี, การเงิน) | ท่องเที่ยว |
⭐ Pro-Tip: สำหรับคอลัมน์ที่เป็นหมวดหมู่ (Transaction, Asset Class, Country, Industry) ให้ใช้ฟีเจอร์ Data Validation (ไปที่เมนู
Data>Data Validation) เพื่อสร้าง Dropdown List (รายการแบบเลื่อนลง) ซึ่งจะช่วยป้องกันการพิมพ์ผิดและทำให้ข้อมูลเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด
เมื่อเรามีข้อมูลดิบที่พร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาของพระเอกอย่าง Pivot Table (ตารางไพวอท) เครื่องมือที่จะสรุปข้อมูลที่ซับซ้อนให้กลายเป็นตารางที่เข้าใจง่ายในไม่กี่คลิก
วิธีสร้าง Pivot Table:
Transaction Logจากนั้นใช้ Pivot table editor ที่ปรากฏขึ้นทางขวาเพื่อสร้างรายงานสรุปในมิติต่างๆ
เพื่อดูว่าเราลงทุนใน หุ้น, กองทุน, หรือสินทรัพย์อื่นๆ เป็นสัดส่วนเท่าไหร่
Asset ClassSUM of Total Value% of grand totalเพื่อดูว่าพอร์ตของเรากระจุกตัวอยู่ในประเทศไหนเป็นพิเศษ
CountrySUM of Total Value% of grand totalเพื่อดูว่าเราให้น้ำหนักกับอุตสาหกรรมใดมากที่สุด
IndustrySUM of Total Value% of grand total⭐ Pro-Tip: เมื่อได้ตารางสรุปจาก Pivot Table แล้ว ให้คลิกที่ตารางนั้นแล้วไปที่เมนู
Insert>Chartเพื่อสร้าง กราฟวงกลม (Pie Chart) หรือ กราฟแท่ง (Bar Chart) ซึ่งจะช่วยให้เห็นภาพการกระจายตัวของพอร์ตได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
หากคุณต้องการความสะดวกสบายไปอีกขั้น Google Apps Script คือคำตอบ!
Transaction Log โดยอัตโนมัติ=GOOGLEFINANCE() เพื่อดึงราคาล่าสุดของหุ้นมาแสดงในชีต ทำให้คุณเห็นมูลค่าพอร์ตปัจจุบัน (Market Value) ได้ตลอดเวลาเพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้นได้ง่ายขึ้น ผมได้สร้าง Template Google Sheets ที่มีโครงสร้างชีต, Dropdown List, และ Dashboard ที่ตั้งค่า Pivot Table ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
(คำแนะนำ: เมื่อเปิดลิงก์แล้ว ให้ไปที่เมนู File > Make a copy เพื่อคัดลอกไฟล์ไปเป็นของคุณ)
การสละเวลาเพื่อสร้างและบันทึกข้อมูลใน Portfolio Tracker อาจดูเหมือนเป็นงานที่น่าเบื่อในช่วงแรก แต่ผลตอบแทนที่ได้กลับมานั้นมหาศาล มันไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณเข้าใจภาพรวมการลงทุนของตัวเองได้อย่างลึกซึ้ง แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญในการตัดสินใจปรับพอร์ตในอนาคตได้อย่างมีหลักการและแม่นยำ
เริ่มต้นลงมือทำตั้งแต่วันนี้ แล้วคุณจะพบว่าการมีข้อมูลอยู่ในมือ คือแต้มต่อที่สำคัญที่สุดในโลกของการลงทุนครับ